ภาวะการสูญเสียการได้ยิน เกิดขึ้นได้หลายลักษณะ
1. Conductive hearing loss ภาวะสูญเสียการได้ยินในหูส่วนนอกและกลางจากหลายสาเหตุ เช่น ขี้หูอุดตัน การติดเชื้อ หรือ กรรมพันธุ์ ซึ่งมีผลให้การนำเสียงเข้าสู่หูชั้นในมีประสิทธิภาพด้อยลง แต่เป็นปัญหาที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาหายได้ด้วยการให้ยา และการผ่าตัด
2. Sensory hearing loss ภาวะสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากความผิดปกติของหูชั้นในหรือ auditory nerve จากความเสื่อมสภาพของ hair cells ทำให้ขาดประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นไฟฟ้า ซึ่งสาเหตุของการเสื่อมสภาพอาจเป็นแต่กำเนิด หรือเกิดจากการติดเชื้อ การใช้ยา การได้ยินเสียงดังเป็นเวลานาน และความเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นตามวัย
3. Neural hearing loss ภาวะสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากเส้นประสาทที่ต่อเชื่อมจาก Cochlea ไปถึงสมองถูกทำลาย ในผู้ป่วยเด็กอาจได้ยินเสียงเพียงบางส่วน หรือได้ยินเสียงทั้งหมด หรืออาจไม่ได้ยินเสียงเลย ปัญหาของการได้ยินเสียงชนิดนี้จะเป็นแบบถาวร และทำให้ความสามารถในการพูดของเด็กลดลง นักวิจัย บอกว่า วิธีการรักษาการภาวะสูญเสียการได้ยินนั้นจะขึ้นอยู่กับความรุนแรง ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จะรักษาด้วยการให้ยา และการผ่าตัด หรือใช้เครื่องช่วยฟังเพื่อขยายเสียง ทำให้ได้ยินเสียงที่ชัดขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาและการผ่าตัด
ข้อดีของการใส่เครื่องช่วยฟังคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร โดยแพทย์สามารถปรับเครื่องช่วยฟังเพื่อขยายและปรับแต่งสัญญาณเสียงให้เหมาะสมกับลักษณะภาวะสูญเสียการได้ยินของแต่ละคน ซึ่งแตกต่างกัน โดยวัดจากระดับการได้ยินโดยปกติค่าเฉลี่ยของการได้ยินเสียงบริสุทธิ์อยู่ในช่วงความถี่ 500 , 1000 และ 2,000 เฮิร์ต แต่ในหูข้างที่ผิดปกติ ระดับการได้ยินจะมากกว่า 25 เดซิเบล โดยผู้ที่ได้ยินเสียงที่มากกว่า 40 เดซิเบล ขึ้นไป จัดเป็นผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งความผิดปกติดังกล่าวสามารถตรวจวัดได้ด้วยเครื่องตรวจการได้ยิน (Audiometry) ซึ่งมีเกณฑ์การวัดผล ดังนี้
ขอขอบคุณบทความจาก : ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
นำเสนอโดย : www.ถ่านเครื่องช่วยฟัง.com
หน้าที่เข้าชม | 109,786 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 62,581 ครั้ง |
เปิดร้าน | 28 ม.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 12 ก.ย. 2568 |